ที่กองบังคับการปราบปราม วันที่ 26 สิงหาคม 2564 เวลา 21.30 น.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวคดีผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ก่อเหตุสอบเค้นผู้ต้องหาด้วยวิธีทรมาน ใช้ถุงคลุมหัวจนเสียชีวิต ต่อมาถูกดำเนินคดีออกหมายจับพร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 6 คน ในข้อหา 1.เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด 2.ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด 3.ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทรมาน โดยกระทำทารุณโหดร้าย
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า ขณะนี้จับกุมตำรวจที่ถูกออกหมายจับได้ทั้ง 7 นายแล้ว อยู่ที่สภ.เมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ 5 นาย จับกุมได้วันนี้ 2 นาย ยืนยันเราไม่เคยปกป้องตำรวจที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะยศสูงแค่ไหนก็ตาม พร้อมกับขอโทษประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผกก.โจ้ยืนยันทำไปเพื่อเอาข้อมูลไม่มีเรื่องเงิน
จากนั้นให้ โฟนอินตอบคำถามผู้สื่อข่าว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ กล่าวว่า ขออนุญาตพูดถึงเรื่องข้อหาที่ถูกดำเนินคดีนั้น ตนขออนุญาตให้การในชั้นศาล แต่จะเล่าข้อเท็จจริงให้ฟังคือ ลูกน้องแจ้งว่า จับยาเสพติดมาได้ เจอโทรศัพท์ที่เพิ่งถ่ายรูปไว้ก่อนหน้านี้ 2 ชม. มาไอซ์ 1 กก. ยาบ้าเกือบ 2 หมื่นเม็ด เห็นว่าเป็นเคสใหญ่จึงลงไปดูเอง พยายามสอบถามแล้ว ก็ไม่ยอมบอก ยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ที่ทำไปเพราะต้องการเอาข้อมูลมา ทำลายยาเสพติดที่ทำลายชีวิตประชาชนชาวนครสวรรค์
“เรื่องทั้งหมด ผมสั่งลูกน้องให้ทำเอง ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ทำไปเพราะต้องการทำงาน เรื่องเงินไม่มี ไม่มีการเรียกรับเงิน ส่วนเรื่องเอาถุงคลุมหน้านั้น เจตนาคือไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาเห็นหน้า จึงเอาถุงคลุม แต่เนื่องจากผู้ต้องหาพยายามเอามือมาฉีกถุง เลยเอามือไพล่หลัง ไม่งั้นก็จะฉีกถุงอีก ยืนยันว่า ไม่เคยทำมาก่อน เพิ่งทำเป็นครั้งแรก”พ.ต.อ.ธิติสรรค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมผู้ต้องสลบไปจึงไม่แจ้งผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.ธิติสรรค์ กล่าวว่า ทำอะไรไม่ถูก ให้ลูกน้องมาช่วยปั๊ม ทำซีพีอาร์ แล้วส่งรพ. เรื่องเสพยาเสพติดเกินขนาดนั้น ตนคุยกับแฟนผู้ต้องหาก็ทราบว่า เสพยาแต่ละวันปริมาณเยอะจริง และพักผ่อนน้อย ไม่ได้นอน คาดว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้
“ยอมรับว่าผมผิด ไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร จะจำคุกผมตลอดชีวิต ก็ยอมรับผิดทุกประการ แต่ขอให้การว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ต้องหา ต้องการทำงาน ไม่ให้พี่น้องประชาชนติดยาพติดครับ” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องเรียกรับเงิน 1 ล้าน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องเงิน สาบานได้เลย ชีวิตรับราชการมาไม่เคยทุจริต รวมทั้งเรื่องตบทรัพย์ซ้อนตบทรัพย์ที่มีทนายพูดถึงก็ไม่มี ส่วนทรัพย์สินที่มีอยู่มากมายนั้น มีเอกสารรับรองทุกอย่างเป็นทรัพย์สินที่ถูกต้อง
รองผบช.ภ.6 เปิดแผนรับมอบตัวผกก.โจ้
พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผบช.ภ 6 ที่ร่วมแถลงข่าวชี้แจงถึงการจับกุมในครั้งนี้ว่า ผู้กำกับโจ้โทรมาหาเมื่อคืน 23.00 น.บอกว่าไม่ไหวแล้ว จะฆ่าตัวตาย ก็ได้บอกไปว่า ตายแล้วตำรวจจะเหลืออะไร ถ้าเป็น ลูกผู้ชายพอ ให้กลับมารับผิดชอบกรณีดังกล่าว เป็นตำรวจต้องมีเกียรติ หนีไปไม่ได้ทำให้อะไรดี ก็บอกว่า พรุ่งนี้ พี่มารับผมที่ชลบุรี ก็อนุมัติให้เดินทาง ออกจาก พิษณุโลก 09.00 น. เที่ยงก็มีถามว่ามาไหม ก็ถามอยู่ไหน
16.00 น. มาสภ.แสนสุข มาคนเดียว อย่ามีอาวุธ ก็ใส่เครื่องแบบไปยืนแสนสุข และเมื่อถึงก็มีคนลงมาบอก ผมโจ้ ใส่แมสก์มาจากรถเก๋งสีขาว แต่ไม่ได้มองเลขทะเบียน ก็ทำบันทึก ที่สภ.แสนสุข และรายงานผู้บังคับบัญชา นำตัวมากองปราบ
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 เปิดเผยถึงการมอบตัวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ว่าได้รับการติดต่อจาก ผกก.โจ้ โทรมาบอกว่า “ผมไม่ไหวแล้ว ผมจะฆ่าตัวตาย” ตนจึงเกลี้ยกล่อมบอกไปว่า ตายแล้วจะได้อะไร องค์กรตำรวจเสียหายมากแล้ว จึงบอกให้มามอบตัวดีกว่า จากนั้น ผกก.โจ้ บอกให้เจอที่พิษณุโลก ตนจึงรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ
” ต่อมาเวลา 09.00 น.วันรุ่งขึ้น ผกก.โจ้ โทรมาบอกให้ไปรับตัวที่สภ.แสนสุข ผมจึงเดินทางไปรอที่หน้าสภ.แสนสุข จนกระทั่งเวลา 16.00 น. มีชายเดินลงมาจากรถเก๋งสีขาว 4 ประตู ใส่แมสก์เดินเข้ามาบอกว่า “ผมโจ้ครับ” ทำให้ไม่ได้มองว่ารถคันนั้นทะเบียนอะไร จากนั้นผมก็พาผกก.โจ้มาส่งที่กองปราบปราม”พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว