‘อลงกรณ์’ ชี้ ‘ไพศาล’ โพสต์เท็จ หวั่นกระทบสัมพันธ์ ‘ไทย-จีน’ ยันไทยครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนมากที่สุด แจงทุกชาติโดนกระทบจีนสั่งปิดด่านเพราะโควิด ไม่เกี่ยวกับ ‘นาโต’
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เขียนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่ นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เขียนผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง การส่งออกผลไม้ไทยนับล้านตันไปจีนส่อเดี้ยง โดยโยงเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ กรณีนาโตทำให้จีนกีดกันทุเรียนไทยนั้น
โดยนายอลงกรณ์ระบุว่า ข้อเขียนของนายไพศาลที่โยงการเมืองระหว่างประเทศเรื่องนาโตกับไทยเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้จีนกีดกันการส่งออกทุเรียนไทยนั้น ไม่เป็นความจริง และเป็นประเด็นที่จะส่งผลร้ายผลลบกระทบความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีระหว่างจีนกับไทย เพราะคุณไพศาลพยายามทำให้คนไทยเชื่อว่าจีนกีดกันหรือกลั่นแกล้งการส่งออกทุเรียนและผลไม้ไทยซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีระหว่างประขาชนของ 2 ประเทศ
“เรื่องด่านจีนและการขนส่งเป็นปัญหาโควิดไม่ใช่ปัญหานาโต และมาตรการซีโร่โควิดของจีนใช้กับทุกเมืองทุกมณฑลในประเทศจีนและทุกด่านทั้งทางบกทางน้ำทางอากาศรอบประเทศจีนไม่ใช่เฉพาะด่านลาวด่านเวียดนามที่ไทยต้องขนส่งผลไม้ผ่านด่านเหล่านั้น ทุกประเทศกระทบหมด ทั้งพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา ทั้งสมาชิกนาโตและไม่ใช่นาโต ไม่มีประเทศใดได้สิทธิพิเศษ ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนเวียดนามที่มีโควิดแพร่ระบาดมากขึ้นในช่วงนี้ ทางจีนก็ออกมาตรการเพิ่มจากเดิมที่ด่านจีน-เวียดนามเพื่อป้องกันโควิด”
นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า ข้อพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนกับไทยโดยเฉพาะด้านการค้าและการส่งออกผลไม้รวมถึงทุเรียนไทย คือในปี 2564 จีนซื้อผลไม้ไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมากว่าแสนล้านบาท และคนจีนนิยมผลไม้ไทยมากกว่าทุกประเทศในโลก ทำให้ไทยเป็นแชมป์ส่งออกทุเรียนและผลไม้ไปจีนได้มากที่สุดกว่าทุกประเทศ สามารถครองส่วนแบ่งตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์ในตลาดจีนได้กว่า 40% อันดับ 2 คือชิลี 10% เศษและอันดับ 3 เวียดนาม 6% ถ้าโควิดไม่ระบาดหนักเหมือน 2 ปีที่ผ่านมาการส่งออกผลไม้ไทยไปจีนจะขยายตัวมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
ยิ่งกว่านั้นเมื่อปลายปี 2564 ทั้ง 2 ประเทศโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรและรัฐมนตรี GACC ของจีน ได้ลงนามในพิธีสารเปิดด่านผลไม้เพิ่มอีกเป็น 16 ด่านมากที่สุดเป็นประวัติการณ์จากเดิมที่มีเพียง 6 ด่าน
ข้อมูลเช่นนี้ตรงข้ามกับที่คุณไพศาลบอกว่าจีนไม่พอใจไทยหรือกลั่นแกล้งไทยเพราะปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ
“คุณไพศาลมีสิทธิวิจารณ์ทุกเรื่องแต่ต้องแม่นยำตรวจสอบข้อมูลให้ชัดแจ้งโดยเฉพาะประเด็นที่จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีน รวมทั้งข้อมูลเรื่องระบบโลจิสติกส์ผลไม้ทั้งทางบกทางน้ำก็ให้ข้อมูลผิดๆ เช่น สถานีรถไฟดังดงของเวียดนามอยู่ห่างด่านรถไฟผิงเสียงเพียง 17 กิโลเมตร ไม่ใช่อยู่กลางประเทศเวียดนามห่างไกลพรมแดนกว่างสีตามที่คุณไพศาลบอก
ส่วนการขนส่งทางรถไฟสายใหม่จีน-ลาวนั้นประเทศไทยเริ่มขนส่งข้าวเหนียว 20 ตู้คอนเทนเนอร์ไปมหานครฉงฉิ่งเมื่อ 27มกราคมที่ผ่านมา ไม่ใช่ขนส่งไม่ได้ตามข้อเขียนของคุณไพศาล และการขนส่งทางรถไฟสายใหม่นี้จะสามารถบรรทุกผลไม้ตามพิธีสารที่เพิ่งลงนามได้ทันทีที่ด่านตรวจพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่านเสร็จ และด่านนี้อยู่ห่างจากสถานีเวียงจันทน์กว่า 400 กิโลเมตร ไม่ใช่ 100 กิโลเมตร ตามที่คุณไพศาลเขียน ก็ขอให้คุณไพศาลทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ต่อไปภายหน้าจะได้นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป”
นายอลงกรณ์กล่าวในตอนท้ายว่า รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือความร่วมมือกับจีนอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องในประเด็นใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพและแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ในฤดูกาลผลิตปีนี้ซึ่งจะยังได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของจีน เช่น
1) ขอให้ล้งไทยที่ผ่านกระบวนการอบรมหลักสูตร “ล้งปลอดโควิด-19” มี GMP Plus รับรอง ซึ่งอบรมไปแล้วกว่า 400 แห่ง สามารถผ่านด่านจีนได้โดยไม่ต้องเปิดทุกตู้
2) การขนส่งบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาวโดยการปิดตู้ที่ประเทศลาว และส่งไปคุนหมิงโดยไม่ต้องแวะตรวจที่ด่านโมฮ่านเพื่อให้สามารถส่งทุเรียนและผลไม้เศรษฐกิจอื่นๆ หรือเร่งเปิดด่านตรวจพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่านให้เร็วที่สุด
3) เสนอให้มีการประชุมหารือกับประเทศจีน ลาวและเวียดนาม เพื่อตกลงมาตรการร่วมกันเรื่อง protocol ในการเปิด-ปิดด่านชายแดนต่างๆ และ 4) เสนอให้ด่านมี Green Lane สำหรับผลไม้ไทยเป็นการเฉพาะ
ในส่วนของฟรุ้ทบอร์ดได้ร่วมกับภาคเอกชนและเกษตรกรออก 18 มาตรการตั้งแต่ปีที่แล้วรวมทั้งมาตรการกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติพร้อมกับแนะนำผู้ส่งออกให้เตรียมพร้อมรับมือกรณีมีปัญหาด่านทางบกให้เตรียมการล่วงหน้าในการขนส่งทางเรือรวมทั้งการขนส่งทางอากาศสำหรับผลไม้เกรดพรีเมียมตลอดจนการกระจายสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ และการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศรวมทั้งการแปรรูปสร้างค่าเพิ่ม