วันที่ 30 เมษายน 2565 ที่ห้องธาราทอง บอลลูน โรงแรมเซนทารา ริเวอร์ไซด์ โฮเทล อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สํานักงานราชบัณฑิตยสภาจัดการประกวดเล่าเรื่องเกี่ยวกับ วัฒนธรรมท้องถิ่นด้านอาหาร หัวข้อ ท้องถิ่น ที่มา ภาษา วัฒนธรรม ด้วย “ภาษาไทมาตรฐาน” และ “ภาษาไทยถิ่น” ในโครงการ “รู้ รัก ภาษาไทย” สำหรับนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม. 1-3) จาก โรงเรียนต่างๆในภาคเหนือ โดยมีนายศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา และคณะกรรมการ แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรมและตัดสินผู้ชนะในรอบภาคเหนือ
นายศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา กล่าวถึงการจัดการประกวดเล่าเรื่องหัวข้อ ท้องถิ่น ที่มา ภาษา วัฒนธรรม ด้วยภาษาไทยมาตรฐานและภาษาไทยถิ่นในโครงการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ว่า หน้าที่หลักอย่างหนึ่งของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาตาม พ.ร.บ.ราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558 ฉบับปัจจุบัน ระบุไว้ข้อหนึ่งว่ามีหน้าที่ ศึกษา อบรมและพัฒนา “ภาษาไทย” ภาษาถิ่น การอนุรักษ์ภาษาไทยไม่ให้แปรเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อม เสริมภาษาไทยให้ปรากฎเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ในระดับฐานรากและบุคลากรทางการศึกษา โดยฉพาะครูภาษาไทยและครูประวัติศาสตร์ ซึ่งจะต้องได้รับเพิ่มเติมองค์ความรู้ในสาขาเพิ่มขึ้นอย่างมีคุณภาพ และตามพระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558
สำนักงานราชบัณฑิตยสภามีหน้าที่ข้อหนึ่งคือ “จัดการศึกษาอบรมและพัฒนาทางวิชาการเกี่ยวกับภาษาไทย ภาษาไทยถิ่น” สำนักงานราชบัณฑิตยสภา จึงได้จัดการประกวดเล่าเรื่องหัวข้อ “ท้องถิ่น ที่มา ภาษาวัฒนธรรม” ด้วยภาษาไทยมาตรฐานและภาษาไทยถิ่น”รองเลขาธิการและรักษาการเลขาธิการราชบัณฑิตยสภากล่าว
สำหรับเยาวชนที่เข้าร่วมการประกวดแข่งขันในปีนี้ เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม. 1-3) จากโรงเรียนต่าง ๆ ในแต่ละภาค โดยให้นักเรียนเล่าเรื่องด้วยภาษาถิ่นที่แสดงถึงวิถีชีวิต ประเพณี การละเล่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถานที่ หรือบุคคลสำคัญในท้องถิ่นของตนเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ไว้ ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมพื้นที่ถิ่น (โรงเรียนที่อยู่ในภาคใต้ เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นภาคใต้, โรงเรียนที่อยู่ในภาคเหนือ เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นภาคเหนือ, โรงเรียนที่อยู่ในภาคอีสาน เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นภาคอีสาน และโรงเรียนที่อยู่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยมาตรฐาน) โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากความสามารถในการใช้ภาษาถิ่น มีเนื้อหาที่ผู้ฟังประทับใจ และมีลีลาในการเล่าเรื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติสมวัย
ทั้งนี้การประกวดแบ่งเป็น 2 รอบ คือ รอบแรก สํานักงานราชบัณฑิตยสภา ได้คัดเลือกจาก วีดิทัศน์ของแต่ละภาคให้เหลือภาคละ 10 คน รอบสุดท้าย ผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกในแต่ละภาค ต้องมาแสดงความสามารถในการใช้ภาษาถิ่นต่อหน้าคณะกรรมการ สำหรับการประกวดแข่งขันเล่าเรื่องภาษาไทยถิ่น ภาคเหนือในวันนี้
ซึ่งผลการตัดสินของคณะกรรมการ รางวัลชนะเลิศ ของภาคเหนือ ได้แก่ เด็กหญิงจิราภัทร รักสถาน โรงเรียนบ้านสบพลึง จังหวัดลำปาง รองชนะเลิศอันดับ1ได้แก่เด็กหญิงชนิดาภา พงศ์วรินทร์ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม จังหวัดพะเยา และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ เด็กหญิงต้นอ้อ ลุงต่าโรงเรียนฝางชนูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนรางวัลชมเชย ได้แก่1.นางสาวสิริยากร วรรณสมพร โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่ 2.เด็กหญิงกิรณา ลี โรงเรียนบ้านเรียนกิรณา จังหวัดเชียงใหม่ 3.เด็กหญิงกัญญาณัฐ ทรงคำ โรงเรียนสันทรายวิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ 4.เด็กชายปฏิภาณ สุขงาม โรงเรียนบ้านปาง จังหวัดลำพูน 5. นายอภิวิชญ์ พรมแจ้ โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
6. เด็กหญิงจิดาภา กาหลง โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ จังหวัดเชียงใหม่และ 7. เด็กชายธนาธิป ตื้อจันตา โรงเรียนสันป่ายางวิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่
เด็กหญิงจิราภัทร รักสถาน โรงเรียนบ้านสบพลึง จังหวัดลำปางกล่าวถึงความรู้สึกการได้รับรางวัลในการประกวดแข่งขันครั้งนี้ โดยพูดในห้วข้อ”ละอ่อนเจนใหม่ หัวใจคนเมือง” ซึ่งเหตุผลที่เลือกหัวข้อนี้ก็เพราะว่าจะได้แตกหัวข้อไปได้หลายเรื่อง
“เริ่มจากทำความเข้าใจสคริปก่อน ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านอู้คำเมืองทำให้ไม่มีปัญหาในการพูดเล่าเรื่องในหัวข้อที่เตรียมเอาไว้ ขอบคุณที่มีกิจกรรมนี้ขึ้นมา เฮาจะได้ประสบการณ์ดีมาก”เจ้าของรางวัลชนะเลิศพูดเล่าเรื่องภาษาไทยถิ่นเหนือเผย พร้อมเชิญชวนเด็ก เยาวชนคนรุ่นใหม่มาอู้คำเมือง เป็นภาษาที่น่าฮักนะเจ้า “ ด.ญ.จิราภัทร กล่าว.
สำหรับการประกวดดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมวันภาษาไทยแห่งชาติประจำปี 2565 โดยจัดมาแล้วในภาคใต้ ที่จังหวัดสงขลา และจะจัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์, ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2565 ที่โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ อยุธยา ตามลำดับ ซึ่งนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ1 และรองชนะเลิศอันดับ2 ของแต่ละภาค จะเข้ารับรางวัลในงานวันภาษาไทยแห่งชาติของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาต่อไป.