เพจ “เรื่องเงินเรื่องง่าย” โพสต์ถึงนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในขณะนี้ โดยระบุว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง ได้มีโอกาสฟังนโยบายหลายๆพรรคการเมือง ถือว่าเป็นสีสัน ขอออกตัวก่อนว่าขอไม่แบ่งสีแบ่งฝ่ายนะครับเอาเรื่องนโยบายล้วนล้วน
บางพรรคการเมืองบอกว่าจะยกเลิกแบล็คลิสต์เครดิตบูโรไม่แน่ใจว่าจะทำได้จริงแค่ไหนเพราะว่าประวัติการผ่อนเงินกู้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อเพราะเป็นตัวที่ชี้วัดว่าสินเชื่อปัจจุบันของลูกค้ารายนั้นนั้นยังดีอยู่หรือไม่การที่ไม่มีประวัติเครดิตบูโรจะยิ่งทำให้ธนาคารตัดสินใจไม่ได้และทำให้ลูกหนี้ที่มีประวัติดี เสียโอกาสการได้รับวงเงินไปด้วย จริงๆมันต้องแก้ที่การให้วงเงินตั้งแต่แรกว่าเหมาะสมหรือไม่
ลองคิดดูนะครับธนาคารพิจารณาวงเงิน ตอนนั้นสถานการณ์ลูกหนี้อาจจะยังดีอยู่แต่พอเจอวิกฤตไม่ว่าอะไรก็ตามลูกหนี้ผ่อนไม่ได้ หรือชำระเงินคืนไม่ได้ตามกำหนดธนาคารที่ให้เงินกู้ตั้งแต่แรกมีความรับผิดชอบต้องแก้ปัญหาทำตารางผ่อนชำระใหม่ ไม่ใช่ทำนิสัยช่างมันปล่อยไหลไปเราจะกลับบ้าน ลองคิดดูนะครับ 2-3 ชม ทำงานของท่านเพื่อช่วยลูกค้า แลกกับธุรกิจที่เค้าใช้เวลาสร้างมาทั้งชีวิต
ทุกคนมันเห็นแก่ตัวแล้วครับแต่มันไม่เคยยอมรับ มันผิดที่กฎหมายไม่ช่วยลูกหนี้ครับธนาคารไม่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยลูกหนี้และลูกหนี้เองก็ไม่มีโอกาสที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นหรือจาก regulator
หลายพรรคบอกจะแก้จน แก้หนี้ พักหนี้ แจกเบี้ย ผมถามเถอะครับว่าจะเอาเงินจากไหนแค่นี้รัฐก็ต้องกู้เงินมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
ควรจะมาหาวิธีว่าทำยังไงให้รัฐมีรายได้มากขึ้น เพื่อเอารายได้มาพัฒนาประเทศโชว์ก่อนว่าหาเงินยังไงไม่ใช่มาโชว์ว่าจะใช้เงินยังไงใช้เงินมันง่ายครับใครพูดอะไรก็ได้แต่ถึงเวลามีเงินจะทำหรือเปล่า
รายได้รัฐทางหลักมาจากการเก็บภาษีของสรรพา กรถ้ายิ่งมีประสิทธิผลการผลิตมากมีการใช้จ่ายในประเทศมากยิ่งเก็บภาษีได้เยอะยิ่งมีรายได้มากแต่ที่ผ่านมามันไม่เป็นอย่างนั้นคนไม่เข้าระบบบ้างอะไรบ้าง เศรษฐกิจอยู่กับที่ไม่ไปไหนบ้าง รัฐจะมีรายได้มากขึ้นยังไง รายได้ไม่มากขึ้น แต่หาเสียงว่าจะใช้เงินแบบสายเปย์ มันทำจริงได้หรอครับ
วันก่อนฟัง หัวหน้าพรรคหนึ่งพูดถึงเรื่องเอสเอ็มอีว่าจะช่วยเอสเอ็มอียังไง มีข้อมูลน่าตกใจครับสองปีที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีไม่เพิ่มขึ้นเลย แต่การปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าธุรกิจรายใหญ่กับเพิ่มขึ้นถึง 10% ในยามลำบากในยามวิกฤตความเหลื่อมล้ำระหว่างเอสเอ็มอีกับธุรกิจขนาดใหญ่ยิ่งถูกถ่างมากขึ้น อีกหน่อยใครมีลูกมีหลานคงไม่มีทางเลือกให้ไปเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น
ธุรกิจที่สร้างมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายอากงอาม่าคงไม่ได้ทำหรอกเพราะธนาคารไม่ให้การสนับสนุนทางการเงิน มัวแต่ห่วงว่าจะเป็นหนี้เสียไม่เท่านั้นนะครับ
ดอกเบี้ยที่ปล่อยเงินกู้ของเอสเอ็มอียังสูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่เยอะมากแถมเพราะเอสเอ็มอีเกิดปัญหาก็ไปคิดดอกเบี้ยปรับทำโทษเขาซ้ำเข้าไปอีกแบบนี้ไม่มีวันได้เกิดครับ
ต้องออกกฎหมายครับว่าธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายได้ส่วนนั้นต้องโดนภาษี 35% แต่ถ้ารายได้ที่เกิดจากการปล่อยสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีให้โดนภาษีแค่ 10% นโยบายลักษณะนี้จะช่วยให้ธนาคารจำเป็นต้องปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าธุรกิจขนาดย่อมมากขึ้น เราจำเป็นต้องสร้างที่ฝรั่งเค้าเรียกว่าfair playing field ครับ ซึ่งผมยังไม่เห็นว่าพรรคการเมืองไหนเสนอเรื่องนี้
ไว้มาเล่าให้ฟังต่อครับ
สำหรับเพจเรื่องเงินเรื่องง่าย เจ้าของเพจเป็นผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์แต่เนื่องจาก ติดนโยบายของทางธนาคารทำให้ไม่สามารถใช้ชื่อจริงในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผมเลยคิดว่า ถ้าอย่างนั้นเราน่าจะมีวิธีอื่นที่จะสื่อสารกับทุกคน โดยที่ไม่ผิดนโยบายของทางธนาคารจึงเป็นที่มาของเพจเรื่องเงินเรื่องง่ายครับ
Pages นี้เป็นข้อมูลแบบสบายสบายพูดอะไรให้คนเข้าใจง่ายง่ายในเรื่องรอบตัวที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดหวังว่าวันนึงจะเป็นประโยชน์กับทุกคน
เจ้าของเพจเริ่มทำงานแบงค์เมื่อปี 2005 ในตำแหน่ง Relationship Manager ในวงการเรียกกันสั้นๆว่า RM ดูแลลูกค้าขนาดกลางของธนาคารพาณิชย์ต่างชาติแห่งหนึ่ง
วันแรกๆที่เริ่มงานก็อ่านพวกเอกสารแบบ งูๆ ปลาๆ อะไรหว่าคือ OD อะไรคือ PN และพวกวงเงินทั้งหลาย แบบงงมากๆ ทำไมมันหลากหลายไปหมด
Banker สมัยนั้นมั่วมากครับ สมัยนี้ส่วนใหญ่ก็ยังมั่วจากที่สัมผัส สงสารลูกค้ามาก โดยเฉพาะลูกค้า SMEs เพราะแบงค์สักแต่จะให้วงเงินแบบเอายอด อนุมัติง่ายๆ คิดกันสั้นๆแค่นี้ครับ ลูกค้าเสียประโยชน์เพราะได้วงเงินที่ไม่เหมาๆกับธุรกิจตัวเอง