ทางรัฐบาลก็ได้มีหลักเกณฑ์มาตรการต่างๆออกมารองรับกลยุทธ์การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย (Smart Entry) เพื่อสร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจแก่ภาคธุรกิจ เอกชน ประชาชนควบคู่กับการกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด โดยมาตรการจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 : คนไทยและต่างชาติจาก 46 ประเทศ/พื้นที่
• สามารถเข้ามาโดยไม่จำเป็นต้องมีการกักตัว และสามารถเดินทางได้ทุกจังหวัด
• ผู้เดินทางจะต้องพำนักในประเทศที่กำหนดนั้น ๆ ต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วัน
• ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ยกเว้นคนไทยหรือเดินทางออกจากประเทศไทย ต้องมีการจองโรงแรม AQ 1 คืนระหว่างรอผลตรวจ RT-PCR
กลุ่มที่ 2 : ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศไหนก็ได้ (กรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ในกลุ่มที่แรก)
• ต้องเดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่อง 17 จังหวัด (พื้นที่สีฟ้า) และใช้หลักการเดียวกันโปรแกรมแซนบ็อกซ์ (Sandbox)
• ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มมีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมงด้วยวิธี RT-PCR
• มีประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 ยูเอสดอลลาร์
• จองที่พัก 7 คืน ตามมาตรฐานและต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ใน Sandbox area
• มีการตรวจหาเชื้อซ้ำในวันที่ 6 หรือ 7 รวมถึงสามารถเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่แซนด์บ็อก
• เมื่อครบ 7 วันแล้ว จึงจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นได้
กลุ่มที่ 3 : กลุ่มคนที่ไม่เข้าเกณฑ์ทั้ง 2 ประเภท เช่น คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือได้รับแล้วยังไม่ครบ
• เป็นกรณีผู้ที่เดินทางเข้ามาเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล
• สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยภายใต้เงื่อนไขการกักกัน ในสถานที่ที่ทางราชการกำหนด ทั้งสถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้ (SQ) สถานกักกันโรคทางเลือก (AHQ) ที่จัดการโดยเอกชน สถานกักกันโรคของหน่วยงานหรือองค์กร (OQ) และสถานที่กักกันในส่วนของโรงพยาบาล (HQ)
• บางกลุ่มอาจจะมีการกักตัว 7 -10 วัน
นอกจากนี้รัฐบาลและศบค. กำหนดโครงการเปิดประเทศแบบไม่กักตัวซึ่ง สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย และทั่วโลกมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น โดยแบ่งออก เป็น 3 ช่วงระยะเวลาที่ชัดเจน คือ
ระยะที่ 1 ช่วงวันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน 64 (พื้นที่นำร่อง 17 จังหวัด)
ระยะที่ 2 ช่วงวันที่ 1 – 31 ธันวาคม 64 (เมืองหลักหรือจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 15% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด และเป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน)
ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 65 (พื้นที่นำร่องด้านเศรษฐกิจ จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน) ในแต่ละช่วงเวลาจะมีการปรับหลักเกณท์ที่เหมาะสม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศและประเทศต้นทาง