พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพทย์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า ที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปถึงวันที่ 31 มี.ค.2564 และเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โดยปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ทั่วประเทศเป็นสีเขียว คือมีความปลอดภัยมากขึ้น คงเหลือพื้นที่สีแดงไว้ที่จังหวัดสมุทรสาครเพียงจังหวัดเดียว
นอกจากนี้รับทราบการจัดการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีอาชีพ เป็นผลสืบเนื่องจากต่างประเทศไว้ใจหลังจากไทยจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาลาติประสบผลสำเร็จ ซึ่งหลังจากนี้จะมีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น แต่ยังคงต้องรักษามาตรการสาธารณสุขของไทยไว้
นายกรัฐมนตรี ย้ำวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ แต่จะพิจารณาแผนกระจายวัคซีนต่อไป โดยใช้เวลาเตรียมการ 2-3 วัน พร้อมเมื่อใดจะฉีดให้กับประชาชนทันที และตนเองก็พร้อมจะฉีดเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้มติศบค.ไฟเขียว นั่งดื่มในร้านอาหารได้ ตามปกติ เว้น จ.สมุทรสาคร ซึ่งยังคงให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พร้อมผ่อนคลายเปิดสถานบันเทิง ผับ-บาร์ได้ เว้น สมุทรสาครเช่นกัน ขณะที่ศูนย์การค้าเปิดให้บริการปกติ เว้นสมุทรสาคร กำหนดเปิดถึงเวลา 21.00น.สำหรับสถานศึกษา และสถาบันกวดวิชา สามารถเปิดได้ตามปกติ เว้นสมุทรสาคร ขอให้ เรียนรูปแบบออนไลน์เท่านั้น สุดท้าย สถานที่ ออกกำลังกาย กลางแจ้ง ยิม และฟิตเนส เปดบริการได้ตามปกติ เว้นสมุทรสาคร
ทั้งนี้ ศบค. ได้ผ่อนคลายการกำหนดพื้นที่ควบคุม โดย สมุทรสาคร ยังเป็นพื้นที่ควบคุม และเข้มงวดสูงสุด ขณะที่ พื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่ สีส้ม มี 8 จังหวัพ กทม/สมุทรปราการ/สมุทรสงคราม/นนทบุรี/นครปฐม/ปทุมธานี/ตาก และราชบุรี
ขระที่พื้นที่ สีเหลือง หรือพื้นที่ เฝ้าระวังสูง มี 18 จังหวัด และพื้นที่ สีเขียว พื้นที่เฝ้าระวัง กำหนดไว้ 54 จังหวัด