เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ถึงความคืบหน้าในการประชุมเอเปค โดยมีเนื้อหาระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ
วันนี้ (17 พ.ย. 65) เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีภารกิจสำคัญอย่างยิ่งตลอดทั้งวัน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ผมทำหน้าที่เป็นประธาน และกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน APEC CEO Summit 2022 ซึ่งเป็นการรวมตัวของภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประจำปี ที่สำคัญที่สุด คู่ขนานกับการประชุมเอเปคของภาครัฐ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อน “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” ที่รัฐบาลจะผลักดันเข้าสู่การประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในวันพรุ่งนี้ เพื่อกำหนดทิศทางของเอเปคไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมการจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
จากนั้น ผมได้ให้การต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจหลายท่าน ตลอดทั้งวัน ดังนี้
11.00 น. หารือทวิภาคีกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ ทำเนียบรัฐบาล
14.20 น. ต้อนรับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และภริยา ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
16.00 น. หารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบรัฐบาล
17.15 น. หารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีประเทศแคนาดา ณ ทำเนียบรัฐบาล
20.00 น. เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ หอประชุมกองทัพเรือ
และเวลา 23.15 น. รับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง
ซึ่งรายละเอียดของการหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ และผลของการต่อยอดทางเศรษฐกิจจากการประชุมครั้งนี้ ผมจะได้นำมาเรียนแจ้งพี่น้องประชาชนต่อไปครับ
ผมต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ทำให้การจัดการประชุมเอเปคของไทยในครั้งนี้ ดำเนินไปด้วยความราบรื่นดีอย่างยิ่ง เป็นที่ประทับใจของผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นแขกสำคัญของประเทศชาติทุกคน จนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปค ได้แสดงความชื่นชมประเทศไทย ว่าจัดการประชุมได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับเวิลด์คลาส มีการเตรียมงานที่เป็นเลิศ นอกจากเรื่องเนื้อหาสาระในการประชุมต่างๆ ที่สามารถผลักดันให้เกิดความคืบหน้า ตลอดจน เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความปลอดภัย ทั้งจากการเดินทางและจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงนับได้ว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปค
ซึ่งผลดีที่ไทยจะได้จากการประชุมเอเปคนั้นมีอย่างมากมาย หอการค้าไทยคาดว่าจะมีแขกที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ ทั้งของภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน รวมทั้งผู้ติดตามไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ซึ่งจะเกิดเงินหมุนเวียนโดยตรงในระบบทันที ไม่น้อยกว่า 1,000-2,000 ล้านบาท อีกทั้งจะมีการออกข่าวและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ออกสู่สายตาชาวโลก สร้างความเชื่อมั่นประเทศของเรา ทั้งในแง่การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวให้ทั่วโลกได้เห็น จนคาดการณ์ได้ว่า อาจส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ร่วม 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนครับ
นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM Gala Dinner) ณ หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
ที่มาเพจไทยคู่ฟ้า APEC2022