เจ้าพ่อกระทิงเเดงส่งทนายฟ้องเรียก 50 ล้าน‘วิรุตม์’กับพวกบิดเบือนกล่าวหาจ่าย 300 ล้านล้มคดีบอส เพิ่ม  นัดไต่สวน 9 ก.ย.

Mummai Media

เจ้าพ่อกระทิงเเดงส่งทนายฟ้องเรียก 50 ล้าน‘วิรุตม์’กับพวกบิดเบือนกล่าวหาจ่าย 300 ล้านล้มคดีบอส เพิ่ม  นัดไต่สวน 9 ก.ย.

‘เฉลิม อยู่วิทยา’เจ้าพ่อกระทิงเเดงส่งทนายฟ้องเรียก50 ล้าน‘วิรุตม์’อดีตตำรวจคอลัมนิสต์ กับพวกบิดเบือนกล่าวหาจ่าย 300 ล้านเเทรกเเซงกระบวนการยุติธรรมล้มคดี’บอส’ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 9 ก.ย.บ่ายโมงครึ่ง

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอำพล  แก้วปาน ทนายความผู้รับมอบอำนาจ นายเฉลิม อยู่วิทยา  นักธุรกิจชาวไทย เจ้าของธุรกิจกระทิงแดง และผู้ร่วมก่อตั้งเรดบูล เดินทางมา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท สืบจากข่าว จำกัด  ,นายอภิภู พัฒนจันท์ นายสุวิทย์ บุตรพริ้ง ,นายวิโรจน์ สุขศรีไพศาลกิจ ,พันตำรวจเอก หรือ นายวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.)เเละคอลัมนิสต์ตำรจดังเป็นจำเลยที่  1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย จำนวน 50 ล้านบาท

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล มีจำเลยที่2-4เป็นกรรมการ จำเลยที่ 1 ดำเนินการผลิตข้อมูลข่าวสารเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ สืบจากข่าว และแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao โดยมีจำเลยที่ 2-4เป็นผู้กระทำการและดำเนินกิจกรรมต่างๆ แทนจำเลยที่ 1และมีจำเลยที่ 5 เป็นคอลัมนิสต์ หรือผู้เขียนเรื่องประจำคอลัมน์ วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เมื่อวันที่ 7 เม.ย. เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน

จำเลยทั้งห้าได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญาต่อโจทก์ กล่าวคือ จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันใส่ความโจทก์ อันมีเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาท โดยมีการโฆษณาด้วยการบันทึกเสียงและภาพ และได้นำคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพไปกระจายเสียงและภาพในแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao ทั้งที่จำเลยทั้งห้ารู้อยู่แล้วว่า ไม่เป็นความจริง โดยจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ได้จัดทำคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพขึ้น โดยปรากฏภาพใบหน้าของนายวรยุทธ อยู่วิทยา บุตรชายของโจทก์ และพาดหน้าคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือ สิ่งบันทึกเสียงและภาพว่า “‘กระบวนการยุติธรรมสามานย์’ ‘การสอบสวน’ กลายเป็น ‘เครื่องมือของซาตาน! ‘บอส’ ขับรถชน ‘ตำรวจ’ ตาย ผู้เสียหาย “ได้เงินสินใหม ทดแทนแค่สามล้าน”! แต่อดีตผู้บัญชาการตำรวจคนหนึ่งบอกว่า “ครอบครัวบอส บ่น จ่ายไปทั้งหมดร่วม 300 ล้าน”! คำถามคือ ‘ซาตานสอบสวน’ แต่ละตัว แต่ละระดับ รับกันไปคนละเท่าใด และเมื่อไหร่จะติดคุกกันเสียที? พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูประบวนการยุติธรรม 7 เมษายน 2567”

นอกจากนี้จำเลยที่ 5 ยังได้กล่าวใส่ความโจทก์อันมีเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาทในคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพ โดยมีถ้อยคำว่า “กระบวนการยุติธรรมสามานย์ การสอบสวนกลายเป็นเครื่องมือของซาตาน บอส ขับรถชนตำรวจตาย ผู้เสียหายได้เงินสินไหมทดแทนแค่สามล้าน แต่อดีตผู้บัญชาการตำรวจคนหนึ่งบอกว่า ครอบครัวบอสบ่น จ่ายไปทั้งหมดร่วม 300 ล้าน คำถาม คือ ซาตานสอบสวนแต่ละตัว แต่ละระดับ รับกันไปคนละเท่าใด และเมื่อไหร่จะติดคุกกันเสียที” และจำเลยที่ 5 ยังได้นำคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพ ระหว่าง นางสาวอุบลรัตน์ เถาว์น้อย กับพลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร จากแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ หมิว อุบลรัตน์ ชื่อผู้ใช้งาน bonratbonrat ที่ทราบอยู่แล้วว่ามีเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ กล่าวหาว่าเสียเงิน 300 ล้านวิ่งเต้นคดีมาตัดต่อใส่ต่อจากถ้อยคำของจำเลยที่ 5

จากนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่2-4เป็นผู้ดำเนินการแทนได้มีส่วนร่วมและรู้เห็นยินยอมร่วมกันกับจำเลยที่ 5 นำคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพดังกล่าวไปกระจายเสียงและภาพในแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao ของจำเลยที่ 1 โดยมีข้อความบรรยายคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพว่า “‘กระบวนการยุติธรรมสามานย์’ ‘การสอบสวน’ กลายเป็น ‘เครื่องมือของซาตาน! ‘บอส’ ขับรถชน ‘ตำรวจ’ ตาย ผู้เสียหาย “ได้เงินสินใหมทดแทนแค่สามล้าน”! แต่อดีตผู้บัญชาการตำรวจคนหนึ่งบอกว่า “ครอบครัวบอส บ่น จ่ายไปทั้งหมดร่วม 300 ล้าน”! คำถามคือ ‘ซาตานสอบสวน’ แต่ละตัว แต่ละระดับ รับกันไปคนละเท่าใด และเมื่อไหร่จะติดคุกกันเสียที? พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูประบวนการยุติธรรม 7 เมษายน 2567” ปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหน้าจอคลิปวีดีโอจากแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao                    

จากข้อความและถ้อยคำในคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงและภาพดังกล่าวที่ปรากฎอยู่บนแอปพลิเคชัน TIKTOK นั้น บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนที่รับฟังและรับชมย่อมเข้าใจและทราบเป็นอย่างดีว่า ข้อความว่า “อดีตผู้บัญชาการตำรวจคนหนึ่ง” หมายถึง พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ข้อความว่า “คดีบอส อยู่วิทยา” หมายถึง คดีอุบัติเหตุจราจรรถชน ระหว่าง นายวรยุทธ อยู่วิทยา กับ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ และข้อความว่า “บอส อยู่วิทยา” หมายถึง นายวรยุทธ อยู่วิทยา บุตรของโจทก์ ส่วนประโยคที่ว่า “กูเนี่ยเสียเงินไปตั้งแค่นี้ ๓๐๐ กว่ากิโลเนี่ย ลูกกูเป็น…..จำเลยอยู่” นั้น ข้อความว่า “กู” หมายถึง โจทก์ และข้อความว่า “ลูกกู” หมายถึง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ส่วนประโยคที่ว่า “แต่สุดท้ายลูกของเขาก็ยัง ยังเป็นผู้ต้องหาอยู่”นั้น ข้อความว่า “ลูกของเขา” หมายถึง นายวรยุทธ อยู่วิทยา บุตรของโจทก์

ทั้งนี้ถ้อยคำและข้อความดังกล่าวข้างต้นนั้นปราศจากมูลความจริงและเป็นความเท็จ ซึ่งมีลักษณะยืนยันข้อเท็จจริง อันทำให้บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนที่รับฟังและรับชมเข้าใจผิดและเชื่อว่าโจทก์ได้จ่ายเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในคดีอุบัติเหตุจราจรรถชน ระหว่าง นายวรยุทธ อยู่วิทยา กับ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ให้พ้นความรับผิดตามกฎหมายบ้านเมือง ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์ไม่เคยกล่าวข้อความดังกล่าวกับผู้ใดและไม่เคยจ่ายเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา อีกทั้งโจทก์ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งห้าซึ่งเป็นองค์กรและผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารมวลชนทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงที่สร้างสมมา ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาอย่างร้ายแรง นอกจากนี้แอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao เป็นของจำเลยที่ 1มีผู้ติดตามมากกว่า 317,000 คนและมีผู้ถูกใจมากกว่า 6,400,000คน ที่สำคัญแอปพลิเคชัน TIKTOK เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ที่บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงได้เป็นปกติเช่นเดียวกับโจทก์ ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงไปทั่วราชอาณาจักรและทั่วโลก

การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา            มูลเหตุตามคำฟ้องคดีนี้มีการกระจายเสียงและภาพในแอปพลิเคชัน TIKTOK ที่บุคคลทั่วไปและสาธารณะชนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงได้เป็นปกติ เหตุจึงเกิดขึ้นที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ ทั่วราชอาณาจักรไทย คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจของศาลนี้

การกระทำของจำเลยทั้งห้า นอกจากเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาแล้ว ยังเป็นการจงใจกล่าวหรือไขข่าวให้แพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งระดับประเทศและระดับโลกต้องเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณ และยังทำให้คู่ค้า ลูกค้า และบุคคลทั่วไปทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อต้านไม่สนับสนุนและไม่ซื้อสินค้าในกลุ่มธุรกิจบริษัท สยาม ไวเนอรี่ เทรดดิ้งพลัส จำกัด และ

Red Bull ของโจทก์ ซึ่งเป็นการเสียหายแก่ทางทำมาหาได้และทางเจริญของโจทก์เป็นอย่างยิ่ง

จึงขอให้จำเลยทั้งห้ารับผิดชอบดังนี้

1.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันโฆษณาหรือประกาศคำพิพากษาของศาล และคำขออภัยโจทก์ลงในเว็บไซต์ สืบจากข่าว และในแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao เป็นเวลา 7 วัน ติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันเป็นผู้ดำเนินการออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

2.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันโฆษณาหรือประกาศคำพิพากษาของศาล และคำขออภัยโจทก์ลงในหนังสือพิมไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน ด้วยเนื้อที่เต็มของหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันเป็นผู้ดำเนินการออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น      

3.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันหรือแทนกันลบข้อความและคลิปวีดีโอ หรือภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึก เสียงและภาพดังกล่าวออกจากแอปพลิเคชัน TIKTOK ชื่อ Suebjarkkhao ชื่อผู้ใช้งาน suebjarkkhao ทันที                                                                                                   

4.จำเลยทั้งห้าต้องร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 100ล้านบาทแต่โจทก์ขอคิดเพียงจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งโจทก์ขอถือเป็นทุนทรัพย์ในคดีนี้ และโจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5ต่อปี ของต้นเงินนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลย

ทั้งห้าจะร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น                                                        

โดยภายหลังยื่นฟ้องศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1741/2567นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 9 ก.ย. 2567 เวลา 13.30 น.