เชียงใหม่ ค่าฝุ่นจิ๋วพุ่ง 11 อำเภอ หางดง หนักสุด 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานเช้าวันนี้ช่วงเวลา 09.00 น. สถานการณ์ของปริมาณฝุ่นควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กจากPM2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กลับมามีค่าเกินมาตรฐานถึง 11 อำเภอ จากการตรวจวัดผ่าน แอพพลิเคชั่นAirCMI ข้อมูลคุณภาพอากาศ จากเครื่องตรวจคุณภาพอากาศทั้ง 25 อำเภอ พบฝุ่นเกินค่ามาตรฐานถึง 11 อำเภอ อำเภอหางดง มากที่สุด 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,รองลงมาอำเภอแม่แจ่ม 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ,อำเภอไชยปราการ 97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นสีแดง ส่วนอำเภอสีสัม 8 อำเภอมีค่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตั้งแต่ 51 – 84 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คืออำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงดาว อมก๋อย แม่วาง สะเมิง ฝาง สันกำแพง และแม่ออน

ส่วนการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษจำนวน 5 จุดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า 4 จุดเกินต่ามาตรฐาน คือ จุดแรกศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง,เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จุดที่สองบนดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จุดที่สามโรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูล เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา อ.แม่แจ่ม, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 53 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จุดที่สี่โรงเรียนบ้านป่าบง ต.แม่นะ อ.เชียงดาว, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจุดที่ ห้า กลางเมืองเชียงใหม่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง, เชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 49 ไมโครกรัม
ต่อลูกบาศก์เมตร

ส่วนการรายงาน จากกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 หรือ บก.คฟป.ทภ.3 ส่วนหน้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือพบว่า ภาคเหนือ มีค่าPM 2.5 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 37- 101 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , ค่า PM 10 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 51 – 136 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและ ค่า AQI เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 50 –211 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบว่า 14 จังหวัดค่าอากาศมีผลกระทบกับสุขภาพ

ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่,ลำปาง,แม่ฮ่องสอน,น่าน,แพร่,พะเยา,ตาก,อุตรดิตถ์,สุโขทัย,พิษณุโลก,พิจิตร,เพชรบูรณ์,พิษณุโลกและจังหวัดอุทัยธานี

สำหรับสถานการณ์จุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ห้วงวันที่ 11 เม.ย.65 พบเกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 101 จุด เพิ่มขึ้นจากวันเดียวกันของปี 64 จำนวน 10 จุด ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 – 11 เม.ย.65 เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 22,690 จุด เมื่อเทียบปี 64 ( 62,115 ) ลดลง 39,425 จุด คิดเป็น 63.47 % เมื่อเทียบปี 63 ( 128,373 ) ลดลง 105,683 จุด คิดเป็น 82.32 % ซึ่งจุดความร้อนวันนี้พบในจังหวัด พิษณุโลก,อุตรดิตถ์,แพร่และจังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะพื้นที่ป่าสงวน 36 จุด พื้นที่เกษตร 30 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 20 จุด เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเมื่อวาน พื้นที่เผาไหม้ลดลง ค่าฝุ่นละอองมากขึ้น สภาพอากาศโดยรวมแย่ลง

นอกจากนี้วันที่ 1 – 10 เม.ย.65 พบว่า ในพื้นที่ 8 จังหวัดเริ่มมีค่าจุดความร้อนสะสมมากกว่าปี 64 ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์มีค่าจุดความร้อนสะสม 101 จุด สูงกว่าปี 64 (84) 17 จุด จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีค่าจุดความร้อนสะสม 792 จุด สูงกว่าปี 64 (281 ) 511 จุด , จังหวัดตากมีค่าจุดความร้อนสะสม 135 จุด สูงกว่าปี 64 ( 34 ) 101 จุด,จังหวัดนครสวรรค์ มีค่าจุดความร้อนสะสม 71 จุด สูงกว่าปี 64 ( 55 ) 16 จุด,จังหวัดพิจิตร มีค่าจุดความร้อนสะสม 78 จุด สูงกว่าปี 64 ( 46 ) 32 จุด,จังหวัดพิษณุโลกมีค่าจุดความร้อนสะสม 97 จุด สูงกว่าปี 64 ( 73 ) 24 จุด,จังหวัดสุโขทัย มีค่าจุดความร้อนสะสม 74 จุด สูงกว่าปี 64 ( 41 ) 33 จุดและจังหวัดอุทัยธานี มีค่าจุดความร้อนสะสม 24 จุด สูงกว่าปี 64 ( 18 ) 6 จุด

ใส่ความเห็น

ฮอนด้า แอคคอร์ด

ที่สุดแห่งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระดับพรีเมียม