“ทักษิณ ชินวัตร”แนะปรับมาตรา 112 ให้มีกรรมการกลางฟ้อง ย้ำวิธีใช้มีปัญหาเพราะมองแบบเผด็จการ ห่วงปล่อยไว้ประเทศแตกแยก

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือโทนี วู้ดซัม ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศได้บอกในรายการสนทนา CareTalk x Care Clubhouse ในหัวข้อ “Metaverse” โลกก้าวไป แต่นายกไทยยังใช้ทหารปลูกผักชี!? โดยระบุว่า “ทุกวันนี้ท่านพูดอะไรที่เชยดักดานมาก ถ้าแสดงความเชยและภูมิใจในความเชยเรื่อยๆ น่าห่วง”

นายทักษิณ ได้เล่าถึงเรื่อง เมตาเวิร์สแล้วก็อดรู้สึกเป็นห่วงรัฐบาลไทยไม่ได้ เพราะในขณะที่โลกเขาพูดถึงโลกเมตาเวิร์สกันแล้ว แต่เรายังให้ทหารปลูกผักชีอยู่เลย

วันนี้ต้องยอมรับว่าคนไทยเรานี่เก่ง ก้าวหน้าไปเยอะมาก เด็กต้องเรียนรู้อะไรกว้างมาก ดังนั้นผมว่า “รัฐบาลต้องหัดเรียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ทุกวันนี้ท่านพูดอะไรที่เชยดักดานมาก ถ้าแสดงความเชยและภูมิใจในความเชยเรื่อยๆ น่าห่วง  มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่อยากให้รัฐบาลมองอย่างจริงจังกับอนาคตของเด็กไทย ตลอด 7 ปีมานี้มันต้องมีอะไรบ้าง ไม่ใช่พูดแต่ความหลังอย่างเดียว

มีผู้ร่วมเสวนา เข้ามาสอบถามถึงประเด็นเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112

นายทักษิณ ตอบว่า เมื่อก่อนมีระบบคณะกรรมการที่จะฟ้องเป็นคดีหรือไม่ สมัยนี้ใครก็ฟ้องได้ สะเปะสะปะ ตำรวจก็รับหมด สอบจนเป็นเรื่องหมด มันเลวร้าย สิ่งเหล่านี้ ต้องรีบแก้ไข และเห็นว่า  โทษ 15 ปี มากไป อาจจะต้องแก้ไขเรื่องโทษ กฎหมายจริงๆ ต้องมาดูเรื่องวิธีการ ที่จะฟ้องให้ถูกต้อง มีคณะกรรมการที่ถูกต้อง ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะไปแจ้งความได้หมด ต้องมีกระบวนการในการแจ้งความ ถ้าเป็นแบบทุกวันนี้ พังหมด ประเทศมีแต่แตกแยก และแตกแยกเรื่อยๆ

นายทักษิณ บอกด้วยว่า เด็กรุ่นใหม่ วิธีคิดเขา หวังดี ปรารถนาดี แต่ว่าถูกนำเอาไปตีความว่าเขาไม่จงรักภักดี ทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า อย่าไปคิดว่าเสียเหลี่ยม นั่งคุยกับเด็กบ้าง เพื่อเด็กเขาจะได้รู้ว่าเขาจะมีอนาคตอย่างไร อันไหนเป็นอุปสรรค อันไหนแก้ได้ก็แก้ ตรงนี้ที่อยากจะอธิบายให้ฟัง

“เมื่อก่อนมันไม่เคยมีปัญหา เดี๋ยวนี้เป็นปัญหาเพราะความเฮงซวยของระบบการบริหารจัดการ และการมองแบบเผด็จการ ไม่เข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพในการพูดของคน ถ้าเราไม่ใช้ระบบของเผด็จการ เราใช้ระบบประชาธิปไตย เราจะไม่ปล่อยให้มันเละแบบนี้ ทั้งยังไม่ได้สิทธิการประกันตัว เรื่องนี้เพื่อไทยบอกเอาเข้าไปในสภา ก็เป็นเรื่องที่ดี ก็ไปหามาตรการในการแก้ไข ว่าทำอย่างไรให้ได้สิทธิประกันตัวแก่เด็ก ทำอย่างไรให้โทษไม่สูงเกินไป ทำอย่างไรกระบวนการพิจารณาที่เป็นธรรมกว่านี้ ไม่ใช่สะเปะสะปะ จนเกิดความแตกแยกในสังคมทุกวันนี้ ความแตกแยกทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นความห่วยของรัฐบาลเอง” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ เห็นว่า เพื่อไทยจะเอาเรื่องนี้เข้าสภาซึ่งเป็นเรื่องดี ต้องทำยังไงให้ได้สิทธิประกันตัว ต้องไม่ให้โทษสูงเกินไป

“มีวิธียังไงที่จะให้เกิดความยุติธรรม ไม่ใช่ใช้จนเกิดความแตกแยก ผมว่าทั้งหมดนี่ เป็นความห่วยแตกของรัฐบาลเอง” นายทักษิณ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นายทักษิณ ได้โพสต์FB โดยระบุว่า 2-3 วันนี้ได้ฟังดราม่าเกี่ยวกับเรื่องมาตรา 112 จากทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการที่จะแก้ไขหรือยกเลิก ผมขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา และผ่านการปรึกษาในเรื่องมาตรา 112 มาหลายครั้ง

ผมขอเล่าเป็นประสบการณ์ มาตรา112 มีมานานตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษฎ์ น่าจะประมาณปี 2500 ตัวกฎหมายเองไม่เคยเป็นปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มันเกิดจากการปฎิบัติที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าบุคคลในกระบวนการยุติธรรมอาจจะเกิดจากความกลัวหรืออาจจะเกิดจากความอยากแสดงความจงรักภักดีโดยไม่ยึดหลักนิติธรรม แล้วเกิดการใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือ Abuse of Power เพื่อหวังผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางรัฐบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง เลยทำให้เกิดความไม่พอใจ และยิ่งใช้มากก็ยิ่งเกิดความไม่พอใจมาก ซึ่งในสมัยก่อนสนง.ตำรวจแห่งชาติ จะมีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องที่ร้องเรียนขึ้นมาว่าเป็นเรื่องของการจงใจที่จะละเมิดมาตรา112 จริงหรือเปล่า และจำนวนคดีก็มีน้อย และทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการพิจารณาทางอาญา (Due Process of Law) 



ฉะนั้นปัญหาก็น้อย แต่ช่วงนี้ปัญหาเยอะมาก ยิ่งใช้อีกฝ่ายหนึ่งก็มีความโกรธเคืองแล้วก็ไปโทษกันต่างๆ นาๆ ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่า รัฐบาลน่าจะจับเข่าคุยกับกลุ่มเยาวชนที่เห็นต่างในทุกวันนี้ เราก็จะได้แนวทางที่อยู่ร่วมกันระหว่างคนในวัยที่ต่างกัน ถ้าจะเริ่มติดกระดุมใหม่ที่ติดผิดเม็ด ก็โดยการที่ปรับกระบวนการในการดำเนินคดีของ 112 เสียใหม่ ให้เหมือนในอดีตที่ทำอย่างเป็นระบบระเบียบ ไม่กลั่นแกล้ง ไม่หาเรื่อง แล้วก็ปล่อยผู้ถูกกล่าวหาให้ได้รับการประกันและใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญาไป และพูดคุยกับเด็กๆ จะได้เข้าใจตรงกัน เราจะอยู่ร่วมกันต้องมีกติกา กติกาอะไรที่มันยอมรับกันได้ทุกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ 



เพราะฉะนั้นก่อนที่จะบอกว่ายกเลิกมาตรา112 เพราะอารมณ์โกรธ จากอารมณ์โกรธ หรือบางคนก็ต้องการจะยกเลิกโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยกเลิกมาตรา112 ไม่เอาเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนมันมี Yes and No แต่ขณะเดียวกันนั้น การพูดคุยกันน่าจะดีกว่า และการจัดระเบียบให้เป็นระเบียบเสียจะดีกว่า วันนี้บ้านเมืองเหมือนกับอยู่ในภาวะที่ไม่มีการจัดการ ไม่มีการบริหาร บ้านเมืองเปรียบเสมือนอยู่ในภาวะไม่มีการบริหารการจัดการ คงเลือกใช้แต่ Law and Order ซึ่งมันเป็นการขัดหลักที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีไม่แตกแยก

ดังนั้นสรุป ผมขอแนะนำว่าก่อนจะมาบอกว่าจะแก้มาตรา 112 หรือไม่ ขอให้ไปเริ่มย้อนคิดว่า เมื่อตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา แต่คนที่เป็นปัญหาคือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและคนที่นำประเด็นนี้มาสร้างความแตกแยกในสังคมต่างหาก ถ้ามีการจัดระเบียบให้ถูกต้องและมีการพูดคุยกับผู้เห็นต่างบ้าง ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นทีดี และนำไปสู่การรักษากฎหมายที่เป็นธรรม และก็จะไม่มีใครเดือดร้อน แต่วันนี้ ขอย้ำอีกครั้งว่าประเทศขาดการบริหารการจัดการ เลือกที่จะใช้ Law and order เท่านั้น ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดดราม่า หายใจยาวๆ มาเริ่มต้นใหม่ตามที่ผมแนะนำเบื้องต้น เพื่อความรัก เพื่อการถวายความจงรักภักดีที่ถูกต้อง ถูกทาง ไม่ให้เจ้านายต้องถูกครหาโดยที่ไม่รู้ ดูน้อยลง

ใส่ความเห็น

ฮอนด้า แอคคอร์ด

ที่สุดแห่งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระดับพรีเมียม