ที่จังหวัดกระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางในการดูแลราคาน้ำมันขณะนี้ว่า รัฐบาลดูแลประชาชนทุกภาคส่วน ให้ดีที่สุด ยืนยันที่จะตรึงราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร โดยที่ประชุมเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) โดยให้ สกนช. ดำเนินการกู้เฉพาะวงเงิน 20,000 ล้านบาท ตามกรอบของกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่เพื่อพยุงราคาและเตรียมพร้อมสภาพคล่องในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มผันผวน และคาดว่าเมื่อสถานการณ์การเข้าสูภาวะปกติราคาน้ำมันก็จะลดลง และในอนาคตต้องมีการสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศ 30% ด้วย พร้อมขอความเข้าใจจากตัวแทนผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกทั่วประเทศ อย่าใช้แรงกดดันรัฐบาลเพราะต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่มและต้องพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ และขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศในขณะนี้ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้กระทรวงคมมนาคมไปจัดขนส่งทางรถไฟ และจัดรถ บขส. สำหรับขนส่งสินค้าอีกทางหนึ่งเพิ่มเติม
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 และการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ซึ่งได้มีการพิจารณาแผนงานระยะสั้นที่ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ปี วงเงินทั้งสิ้นจำนวน 494 ล้านบาท รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ที่เสนอมาก็จะนำไปพิจารณาให้สอดคล้องเหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณประชาชนชาวกระบี่ และผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่ให้การรต้อนรับอย่างอบอุ่นและร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี และพอใจต่อผลการดำเนินการเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีความก้าวหน้าและมีแนวโน้มจะดีขึ้นต่อเนื่องตัวเลขการท่องเที่ยวและการสั่งจองห้องพักมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการปรับวิธีการตรวจสอบต่าง ๆ ที่สนามบินให้ลดเวลาลงให้ได้มากที่สุดในปัจจุบันเพื่อประหยัดเวลาและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ขอบคุณผู้ประกอบการทุกคนยินดีร่วมมือกันในการที่จะปฏิบัติตามมาตรการของรัฐ โดยรัฐบาลพร้อมดูแลเรื่องการขนส่ง รถ และการบริการ เป็นต้น และขอเชิญชวนประชาชนทุกคนเดินทางมาเที่ยวกระบี่ และทะเลภาคใต้ฝั่งอันดามัน
นายกรัฐมนตรี สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลระมัดระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่กำลังจะถึงนี้ด้วย รวมถึงฝากความห่วงใยประชาชนทุกคนช่วยกันดูแลป้องกันตนเองและปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งกันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกมีความสุข และการเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จะพยายามจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ให้บ่อยครั้งขึ้น รวมทั้งจะไปเยี่ยมเยียนประชาชนบางจังหวัดเป็นกรณีพิเศษตามความเหมาะสม
นายกรัฐมนตรี “เปิดท่าเรือปากเมง ประตูสู่อันดามัน” หนุนการท่องเที่ยว เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ “เชื่อมโลก..เชื่อมไทย..ด้วยโครงข่ายคมนาคม”
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิด “ท่าเรือปากเมง เปิดประตูสู่อันดามัน” รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ สู่การท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวต้อนรับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวรายงาน นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวความเป็นมา พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าหน่วยในพื้นที่ ร่วมพิธีเปิดท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง
จากนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายให้กรมเจ้าท่า ที่มีภารกิจหน้าที่ ในการกำกับ ดูแลรักษาความปลอดภัยทางน้ำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาท่าเรือให้สอดคล้องกับการใช้งานพร้อมมีมาตรฐานความปลอดภัย
กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม มีภารกิจในการพัฒนาท่าเรือ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งาน ทั้งด้านการค้า การขนส่ง การสัญจรทางน้ำ เชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ โดยได้พัฒนาให้ท่าเรือมีรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย มีมาตรฐาน มั่นคง ปลอดภัย รวมทั้งจะเป็นการเชื่อมโยงการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญ
ท่าเรือปากเมง จ.ตรัง เป็นหนึ่งในท่าเรือที่กรมเจ้าท่า ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างท่าเรือ เนื่องจากเป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวและคมนาคมทางน้ำที่สำคัญในจังหวัดตรัง โดยเรือส่วนใหญ่เป็นเรือรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากหาดปากเมงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในหมู่เกาะทะเลตรัง อาทิ เกาะมุก เกาะรอก เกาะเชือก เกาะไหง เกาะกระดาน และเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อไปยังเกาะลันตา เกาะพีพี หาดอ่าวนาง จังหวัดกระบี่
กรมเจ้าท่า ได้ทำการว่าจ้างที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาออกแบบเพื่อปรับปรุงท่าเรือ ให้มีความแข็งแรง รูปแบบเหมาะสม สวยงาม โดยในขั้นตอนการศึกษาออกแบบโครงการได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนอย่างครบถ้วนพร้อมทำโครงการศึกษาร่วมกับอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จต้องขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุกับกรมธนารักษ์ และส่งมอบให้อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือเช่นเดิม สำหรับท่าเรือปากเมงเดิม มีสภาพชำรุดทรุดโทรมและขนาดท่าเรือฯไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้มาใช้บริการ สะพานท่าเรือคับแคบ ไม่มีอาคารพักคอยผู้โดยสาร ความลึกร่องน้ำไม่เพียงพอและมีสภาพค่อนข้างตื้นเขิน ท่าเรือยังไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เช่น บันไดขึ้น – ลงเรือ หลักผูกเรือและยางกันชนเรือ โครงสร้างท่าเรือชำรุดทรุดโทรม ระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง โดยเฉพาะหน้าท่าและสะพานท่าเรือ ระบบน้ำประปา ระบบขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบขนย้ายสินค้า ไม่มีพื้นที่สำหรับจอดเรือและรถยนต์ ส่งผลให้เกิดความแออัดของการจราจรทางบกในช่วงเทศกาล
กรมเจ้าท่า โดยกองวิศวกรรม จึงได้มีโครงการศึกษาวางแผนและสำรวจออกแบบท่าเทียบเรือฯ ให้มีฟังก์ชันการใช้งานสมบูรณ์ครบถ้วน พื้นที่ท่าเรือฯสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โครงสร้างมีความมั่นคง แข็งแรง พื้นที่ด้านหน้าท่าสามารถรองรับเรือเข้าเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย พื้นที่ด้านหลังท่าเรือฯ เพิ่มพื้นที่การใช้สอยครบถ้วนตามความต้องการของนักท่องเที่ยว การออกแบบท่าเรือเป็นสไตล์ Tropical Modern โดยการสร้างพื้นที่ให้โปร่งโล่งขนาดใหญ่ด้วยเส้นสายการออกแบบที่เรียบง่าย คำนึงถึงสภาพอากาศและภูมิประเทศเป็นปัจจัยหลัก ผสานกับบริบทสภาวะแวดล้อมธรรมชาติของเขาเมงที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลังท่าเรือปากเมง โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 144,161,000 บาท ระยะเวลาในการก่อสร้าง 630 วัน เมื่อเปิดใช้ท่าเรือฯ แล้วคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 90,000 คนต่อปี
การก่อสร้างท่าเรือปากเมง เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาท่าเรือ ปี 2561 – 2567 เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ในการสนับสนุนการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันจำนวน 13 ท่า ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 5 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสุระกุล จังหวัดพังงา ท่าเรือเกาะลันตาใหญ่ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ท่าเรือท่าเล จังหวัดกระบี่ รวมถึงท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง แห่งนี้ ที่พร้อมต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลฝั่งอันดามัน สอดคล้องกับนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลในเดือนพฤศจิกายน 2564
นอกจากนี้ กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม มีแผนพัฒนาท่าเรือเส้นทาง “วงแหวนอันดามัน” เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ของจังหวัด กระบี่ พังงา และภูเก็ต สร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว เรือ ร้านอาหาร โรงแรม ตลอดจนร้านค้าชุมชน นำความเจริญสู่ท้องถิ่น และประชาชน สนับสนุนนโยบายของประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
“เปิดประเทศ..เปิดท่าเรือปากเมง..เปิดประตูสู่อันดามัน “